พัฒนาการการได้ยินในเด็กแรกเกิดพัฒนาการการได้ยินในเด็กแรกเกิด
- ช่วงอยู่ในครรภ์ (อายุครรภ์ 25 สัปดาห์ขึ้นไป)o ทารกสามารถได้ยินเสียงหัวใจของแม่ เสียงพูดคุย หรือเสียงดนตรีเบาๆo การได้ยินนี้ช่วยพัฒนาความคุ้นเคยกับเสียงของพ่อแม่
- ช่วงแรกเกิดถึง 3 เดือนo ตอบสนองต่อเสียงดังด้วยการสะดุ้งหรือตกใจo หยุดร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงปลอบโยนo สนใจเสียงพูดคุย หรือหันตามเสียงเบาๆ
- หลัง 3 เดือนo เด็กเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ซับซ้อนขึ้น เช่น หันตามเสียง หรือส่งเสียงตอบโต้o การได้ยินเริ่มชัดเจนมากขึ้น
วิธีสังเกตว่าลูกได้ยินเสียงหรือไม่
- ทารกมีปฏิกิริยาต่อเสียงดัง เช่น สะดุ้งหรือกระตุก
- หยุดร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงพูดปลอบ
- หันศีรษะหรือเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงหากสังเกตว่าลูกไม่มีปฏิกิริยาต่อเสียงในช่วง 1-2 เดือนแรก
ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจการได้ยินวิธีตรวจการได้ยินในเด็กแรกเกิดในโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีการตรวจการได้ยินให้ทารกแรกเกิดก่อนกลับบ้าน การตรวจนี้มี 2 วิธีหลัก:
- Otoacoustic Emissions (OAE)o ตรวจการตอบสนองของหูชั้นในเมื่อมีเสียงกระตุ้นo ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและไม่ทำให้เด็กเจ็บ
- Auditory Brainstem Response (ABR)o วัดการตอบสนองของเส้นประสาทหูต่อเสียงo ใช้ในกรณีที่ผลการตรวจ OAE ไม่ชัดเจนทำไมการตรวจการได้ยินในเด็กแรกเกิดถึงสำคัญ?• การตรวจช่วยให้รู้ว่าเด็กมีความผิดปกติหรือไม่ หากพบปัญหา จะได้แก้ไขและกระตุ้นพัฒนาการได้อย่างทันท่วงที• หากการได้ยินของเด็กไม่สมบูรณ์ อาจส่งผลต่อการพัฒนาภาษาและการสื่อสารวิธีส่งเสริมการได้ยินในเด็ก
- พูดคุยกับลูกo ใช้เสียงอ่อนโยนเพื่อสร้างความคุ้นเคยและกระตุ้นการตอบสนอง
- เล่นเสียงเพลงหรือเสียงของเล่นo ช่วยกระตุ้นการฟังและพัฒนาการทางสมอง
- สร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบo หลีกเลี่ยงเสียงดังเกินไปที่อาจรบกวนการได้ยินของเด็กสรุปเด็กแรกเกิดสามารถได้ยินเสียงได้ตั้งแต่วันแรกที่คลอด การสังเกตพฤติกรรมและการตรวจการได้ยินตั้งแต่แรกเกิดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกมีพัฒนาการทางการได้ยินที่สมบูรณ์ หากพบปัญหา การรักษาหรือกระตุ้นตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดผลกระทบในระยะยาวและส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เต็มที่